เมนู

(อธิบายว่า) จำเดิมแต่เวลาที่เราบวชแล้ว เราไม่รู้จักความดำริอันไม่
ประเสริฐ ประกอบด้วยโทษเลย โดยความหมายก็ว่า เราไม่รู้จักความดำริ
ที่ประกอบด้วยโทษมีราคะเป็นต้น เพราะเหตุนั้นแล จึงชื่อว่าไม่ประเสริฐ คือ
เลว อีกอย่างหนึ่ง ชื่อว่าไม่ใช่ของพระอริยเจ้า เพราะพระอริยะเจ้าทั้งหลาย
ไม่ประพฤติ และเพราะผู้ที่ไม่ใช่พระอริยประพฤติ คือเป็นของลามก ได้แก่
มิจฉาวิตก มีกามวิตกเป็นต้น อันได้นามว่า สังกัปปะ เพราะดำริถึงคุณที่
ไม่มีจริงเป็นต้นในอารมณ์ อันตนให้เกิดแล้ว พระเถระพยากรณ์พระอรหัตผล
ว่า เราบรรลุพระอรหัตแล้ว ในเวลาที่ปลายมีดโกนจดเท่านั้น.
จบอรรถกถาสัญชยเถรคาถา

9. รามเณยยกเถรคาถา
ว่าด้วยคาถาของพระรามเณยยกเถระ


[186] ได้ยินว่า พระรามเณยยกเถระได้ภาษิตคาถานี้ไว้ อย่างนี้ว่า
ดูก่อนมาร บุคคลบางจำพวก ย่อมสะดุ้งกลัว
เพราะเสียงคำรามของท่าน และเสียงร้องคำรามแห่ง
เทวดา แต่จิตของเราไม่หวั่นไหว เพราะเสียงเหล่านั้น
เพราะจิตของเรายินดีความเป็นผู้เดียว.

อรรถกถารามเณยยกเถรคาถา


คาถาของท่านพระรามเณยยกเถระ เริ่มต้นว่า จิหจิหาภินทิเต.
เรื่องราวของท่านเป็นมาอย่างไร ?
แม้พระเถระนี้ ก็มีอธิการอันกระทำไว้แล้ว ในพระพุทธเจ้าองค์ก่อน ๆ
สั่งสมบุญไว้ในภพนั้น ๆ เป็นอันมาก เกิดในเรือนแห่งตระกูลในกาลของ
พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงพระนามว่า สิขี. บรรลุถึงความเป็นผู้รู้แล้ว เห็น
พระผู้มีพระภาคเจ้า เป็นผู้เลื่อมใสแล้ว ได้ทำการบูชาด้วยดอกไม้ทั้งหลาย.
ด้วยบุญกรรมนั้น ท่านบังเกิดแล้วในเทวโลก กระทำบุญแล้ว เกิด
หมุนเวียนไป ๆ มา ๆ อยู่แต่ในสุคติภพเท่านั้น ในพุทธุปบาทกาลนี้ เกิดใน
ตระกูลอันมั่งคั่งในพระนครสาวัตถี เจริญวัยแล้ว เป็นผู้มีความเลื่อมใสเกิดแล้ว
บรรพชา ในกาลที่ทรงรับมอบพระวิหารชื่อว่า เชตวัน เรียนกรรมฐาน
อันสมควรแก่จริต แล้วอยู่ในป่า. ท่านได้มีชื่อว่า รามเณยยกะ เพราะ
สมบัติของตน และข้อปฏิบัติอันสมควร แก่บรรพชิตของท่านเป็นเหตุนำมา
ซึ่งความเลื่อมใส. วันหนึ่ง มารประสงค์ จะหลอกให้พระเถระสะดุ้ง จึงได้
ส่งเสียงร้องน่ากลัว.
พระเถระฟังเสียงนั้นแล้ว ไม่สะดุ้งกลัว เพราะเสียงนั้น รู้ทันว่า นี้
เป็นมาร เมื่อจะแสดงความไม่อาทรในเสียงนั้น ได้กล่าวคาถาว่า
ดูก่อนมารผู้ลามก จิตของเรานั้นย่อมไม่หวั่น
ไหวดิ้นรน เพราะเสียงร้องของนกกระจาบ และเพราะ
เสียงร้องของลิงทั้งหลาย เพราะจิตของเรายินดียิ่งแล้ว
ในพระนิพพาน ดังนี้.